ศัลยกรรมความงาม และข้อควรระวัง

ศัลยกรรมความงาม คือ การใช้กระบวนการทางการแพทย์เพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้าง หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ด้วยการผ่าตัด การปลูกถ่าย และการฉีดสาร เช่น การผ่าตัดเสริมจมูก การผ่าตัดทำตาสองชั้น การผ่าตัดแก้ไขถุงใต้ตา การเสริมหน้าอก การปลูกถ่ายเส้นผม การผ่าตัดร่องรอยการหย่อยคล้อยของผิวหนัง ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นขณะทำหรือหลังทำ ดังนั้นจึงมีข้อควรรู้ก่อนผ่าตัดศัลยกรรมความงาม ดังนี้

1. มีข้อมูลศูนย์ศัลยกรรมความงาม หรือปรึกษาคลินิกหลายๆ แห่ง เพื่อเลือกคลินิกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด

2. รู้ข้อมูลประวัติแพทย์ และผลงานการผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งอาจดูได้จากรีวิวของลูกค้าที่มารับบริการไปแล้ว

3. ควรรู้ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ว่าควรเตรียมความพร้อมตนเองอย่างไร ควรศึกษาขั้นตอนการทำศัลยกรรมแต่ละประเภทอย่างเข้าใจ เนื่องจากการศัลยกรรมอาจมีการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดแตกต่างกัน เช่น การผ่าตัดเสริมหน้าอก ย่อมแตกต่างจากการเตรียมตัวผ่าตัดเสริมจมูก หรือผ่าตัดทำตาสองชั้น

4. รู้ว่าก่อนศัลยกรรม ควรจะต้องงด หลีกเลี่ยง หรือเตรียมร่างกายให้พร้อม อย่างไร เช่น ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกออฮอล์หรืองดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด ควรพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่เครียด ไม่กังวล

5. คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ และอื่น ๆ ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นไปได้หลังการผ่าตัด

6. ศึกษาหรือรับรู้ผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น กรณีศัลยกรรมจมูกผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่จมูกเบี้ยว กระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกถูกดันออกมา หรือเกิดริ้วรอยแผลเป็นขนาดใหญ่จากการผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น

วิธีแก้ไขรอยแผลเป็นที่เกิดจากการศัลยกรรม

ศัลยกรรมความงาม เป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้เกิดรอยแผล หลังจากเกิดรอยแผลมักจะเกิดแผลเป็นทิ้งไว้ แพทย์จะแนะนำการดูแลรักษาแผลผ่าตัดไปพร้อม ๆ กับการพักฟื้น เพื่อให้หายตามระยะเวลาที่เหมาะสม กรณีการเกิดรอยแผลเป็นจากการศัลยกรรมและต้องได้รับการแก้ไข เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดูแลรักษาที่ไม่ถูกต้อง และเกิดจากคลินิกศัลยกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน

ลักษณะรอยแผลเป็น ที่เกิดจากการศัลยกรรม

1. แผลเป็นนูน คือ แผลเป็นที่มีสีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ
2. แผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์ คือ เป็นแผลที่มีอาการนูน และแดงคล้ายกับรอยแผลเป็นนูนหนา แต่มีความผิดปกติทำให้เกิดการขยายตัวกว้างขึ้นสู่เนื้อเยื่อรอบ ๆ จนเกินขอบรอยแผล

3. แผลเป็นหลุม เป็นรอยแผลเป็นที่รอยลึกลงจากผิวหนัง มีสีใกล้เคียงกับสีผิวหนังปกติ

วิธีรักษารอยแผลที่เกิดจากการศัลยกรรม

1. ทายาแก้รอยแผลเป็น หรือลดรอยแผลเป็นด้วยยากลุ่มสเตียรอยด์ ยากลุ่มซิลิโคนเจล ยากลุ่มวิตามิน E และยากลุ่มมิวโคโพลีแซคคาไรด์

2. ฉีดยาในกลุ่มสเตียรอยด์ สามารถทำให้แผลเป็นยุบและจางลง โดยปกติจะฉีดประมาณ 3 ครั้งแต่ละ ครั้งเว้นระยะ 4-6 สัปดาห์

3. การฉีดสารสังเคราะห์เช่น อาติคอล คอลลาเจน ไบโอพลาสติก และฟิลเลอร์ เข้าไปในบริเวณใต้แผลเพื่อให้บุ๋มขึ้นมา

4. การปรับสภาพบริเวณพื้นผิวของผิวหนัง เช่น การใช้เลเซอร์ หรือ การกรอผิว
5. การผ่าตัดแผลเป็น เช่น การผ่าตัดเอาแผลเป็นออกแล้วเย็บเข้าไปใหม่ และการผ่าตัดย้ายหนังมาปิด

การดูแลรักษารอยแผลเป็นจากการศัลยกรรม แม้จะมีแนวทางการรักษาได้หลายวิธีแต่ก็อาจจะต้องใช้เวลา การป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นจากการศัลยกรรมจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายกว่า เพียงศึกษาทำความเข้าใจข้อควรรู้ก่อนศัลยกรรมความงาม แล้วนำไปปฏิบัติก็ช่วยป้องกันปัญหารอยแผลเป็นจากการผ่าตัดศัลยกรรมได้เป็นอย่างดี