การทำตาสองชั้น วิธีต่างๆ ในปัจจุบัน

การทำตาสองชั้น วิธีต่างๆ ในปัจจุบัน

ปัจจุบันการทำตาสองชั้นเป็นการศัลยกรรมความที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นอกจากจะช่วยในเรื่องความสวยงามแล้ว ปัญหาหนังตาตก หนังตาหย่อนคล้อยลงมา ทำให้ดูมีอายุมากขึ้น และบางครั้งหนังตาตกที่มาบังการมองเห็นก็สร้างความรำคาญ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาทำตาสองชั้นอีกด้วย การทำตาสองชั้นนั้นมีหลายวิธีมากมาย แล้วเราเหมาะกับแบบไหน แบบไหนดีกว่า? ซึ่งจริงๆแล้วทุกวิธีการทำตาสองชั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดเหมาะกับทุกคน ศัลยแพทย์ที่ดีควรจะสามารถทำตาสองชั้นได้ทุกวิธี และเลือกวิธีที่ดีที่สุดที่เหมาะกับแต่ละคน เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นมีกี่วิธี วิธีไหนบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

การทำตาสองชั้น วิธีต่างๆ ในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน การทำตาสองชั้น มีหลากหลากวิธีและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปตามความถนัดของแพทย์แต่ละท่าน และตามความเหมาะสมกับดวงตาของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้นในผู้หญิงหรือการทำตาสองชั้นในผู้ชาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะของดวงตาเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญมาก เรามาดูกันว่าการทำตาสองชั้นสามารถทำวิธีใดได้บ้าง และแต่ละวิธีเหมาะกับลักษณะดวงตาแบบไหน

แก้ตาสองชั้นที่ไม่ได้ดั่งใจ ปัญหาไหนเจอบ่อย แก้ยังไงมาดูกัน

การทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด (Suture Technique)

คือการทำตาสองชั้นโดยไม่ต้องกรีด จะใช้วิธีเย็บชั้นที่เปลือกตาโดยเจาะเป็นรูที่เปลือกตา 3 จุด ไม่เป็นแผลกรีด เป็นวิธีการทำตาสองชั้นที่นิยมทำกันมากวิธีหนึ่ง เหมาะกับเคสที่มีตาชั้นเดียว หนังตาและไขมันไม่หนา ไม่หย่อนคล้อย เวลาหลับตาจะเนียนไม่เห็นแผล แต่ต้องระวังในเรื่องของชั้นตาที่อาจจะหลุดง่าย และการเย็บทะลุเปลือกตา

การทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด เหมาะกับใคร

  1. คนที่มีตาชั้นเดียว โดยที่หนังและไขมันบริเวณเปลือกตาไม่หนา
    2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย

ข้อดีของการ ทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด

  1. ไม่เห็นรอยแผลเป็น การทำตาสองชั้นวิธีนี้ รอยแผลจะไม่ค่อยเห็น เนื่องจากรูเล็กมาก
    2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้อาจจะบวมน้อย เพราะเป็นแค่การเย็บ 3 จุด จะกระทบเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตาน้อยมาก จึงแทบไม่ต้องใช้เวลาหยุดพักฟื้น

ข้อเสียของการ ทำตาสองชั้น แบบเย็บ 3 จุด

  1. ชั้นตาหลุดง่าย (โดยเฉพาะในคนที่เปลือกตาหนาๆบวมๆ มีไขมันมาก) เพราะเป็นแค่การเย็บ 3 จุด ไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออกและไขมันออก
    2. ทำชั้นตาใหญ่ไม่ได้มาก
    3. นานๆไปตาสองชั้นที่ทำไว้ค่อยๆเลื่อนเล็กลงๆ

การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก (Small Incision Technique)

เป็นการทำตาสองชั้น โดยกรีดแผลที่เปลือกตาขนาด 3-5 mm (แล้วแต่เทคนิคของศัลยแพทย์แต่ละท่าน) ในกรณีคนไข้มีปริมาณหนังตาและไขมันที่เปลือกตาไม่มากเกินไป ก็จะสามารถทำตาด้วยเทคนิคแผลเล็กได้ เป็นการผ่าตัดที่รบกวนต่อเนื้อเยื่อเปลือกตาน้อย ทำให้การบวมหลังผ่าตัดน้อยมาก

การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก เหมาะกับใคร

  1. คนที่ปริมาณหนังตาส่วนเกินไม่มากเกินไป
    2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย

ข้อดีของการทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก

  1. รอยแผลเป็นเล็ก หายง่าย เพราะเป็นแค่การกรีดแผลบริเวณเปลือกตาเพียง 3-5 mmหลังจากชั้นตายุบตัวเข้าที่ แผลสมานเรียบร้อยแล้วจะแทบไม่เห็นรอยแผลเป็นเลย จะเป็นเหมือนรอยพับชั้นตาตามธรรมชาติ
    2. ใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย รบกวนเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตาน้อยมาก อาการบวมช้ำจึงน้อยไปด้วย ยุบเร็ว เข้าที่เร็ว (เมื่อเทียบกับทำแผลใหญ่) หลังทำแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
    3. เหมาะกับคนอายุน้อยๆ ที่มีหนังตาไม่มาก เปลือกตาไม่หนามาก เพราะวิธีนี้จะไม่ได้เอาหนังตาส่วนเกินออก
    4. สามารถทำตาสองชั้นและเอาไขมันออกได้ มากกว่าการเย็บ 3 จุด

ข้อเสียของ การทำตาสองชั้น แบบแผลเล็ก

  1. คนที่มีหนังตาตกมาก หนังตาจะตกมาปิดหลังจากยุบบวม ชั้นจะเล็กลง หรือยังมีหนังตาย้อยลงที่หางตา
    2. คนที่เปลือกตาหนามาก การทำตาสองชั้นวิธีนี้ ชั้นตาจะดูอูมๆกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการทำตาสองชั้นโดยเย็บชั้นตาขึ้นไปให้สูงขึ้น โดยไม่ได้เอาผิวหนังและเนื้อเยื่อเปลือกตาส่วนเกินออก ดังนั้นหากเป็นคนที่มีหนังเปลือกตามาก หรือเคสสูงอายุที่มีความหย่อนคล้อยมากแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัดแบบกรีดยาวร่วมกับการตัดหนังตาส่วนเกินออกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและสวยงามกว่า

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร อันตรายไหม ทำศัลยกรรมตาสองชั้นแก้ได้ไหม

การทำตาสองชั้น แบบแผลยาว

คล้ายกับการทำตาสองชั้นแบบแผลเล็ก แต่เป็นการกรีดแผลยาวขึ้น เพื่อให้สามารถเย็บชั้นตาได้ตลอดแนว โดยไม่ได้ตัดหนังตาส่วนเกินออก วิธีนี้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากการทำแบบแผลเล็กแต่รอยแผลยาวกว่า บวมนานกว่า

การทำตาสองชั้น แบบแผลยาว เหมาะกับใคร

  1. คนที่ปริมาณหนังตา และไขมันบริเวณเปลือกตาไม่มากเกินไป
  2. วัยรุ่น หรือคนที่ผิวบริเวณเปลือกตาไม่หย่อนคล้อย

ข้อดีของการทำตาสองชั้น แบบแผลยาว

  1. ลดโอกาสการเกิดหนังตาที่หางตาตกมากกว่าในแผลเล็ก (แต่ถ้าหนังตาตกเยอะมากก็เอาไม่อยู่)
  2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้ เป็นการกรีดแผลยาว จึงสามารถเอาไขมันออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะในคนที่เปลือกตามีไขมันมาก ฝนเคสวัยรุ่นที่เปลือกตาไม่ได้มีความหย่อนคล้อยก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้

ข้อเสียของการทำตาสองชั้น แบบแผลยาว

  1. มีอาการบวมช้ำมากกว่าและนานกว่าเมื่อเทียบกับการทำแบบแผลเล็ก รอยแผลยาวและเห็นได้ชัดกว่า
    เหมือนข้อเสียในแบบแผลเล็ก ไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันและเปลือกตาหนามาก เพราะเทคนิคนี้สามารถเอาไขมันออกได้ในระดับนึง แต่ไม่ได้ตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก ดังนั้นถ้าใช้วิธีนี้กับเคสที่มีหนังตาตก หรือมีความหย่อนคล้อยมาก หนังตาที่มีอยู่ก็จะตกลงมาปิดชั้นตา ทำให้เห็นชั้นตาไม่ชัดอยู่ดี

การทำตาสองชั้น แบบกรีดยาวร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก

เป็นการทำตาสองชั้นแบบกรีดยาวเพื่อให้สามารถออกแบบชั้นตาได้ตลอดแนว วิธีนี้จะสามารถเอาไขมันส่วนเกินออก ตัดหนังตาส่วนเกินที่หย่อนคล้อยและลงมาบังชั้นตาออกได้ด้วย เป็นเทคนิคที่สามารถใช้ได้กับทุกวัย ไม่ว่าจะวัยรุ่น หรือกลุ่มคนสูงอายุ คนที่มีชั้นตาอยู่แล้วแต่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยชัด ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้

การทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังตาส่วนเกินออก เหมาะกับใคร

  1. เหมาะกับทุกเคส ทั้งวัยรุ่น และวัยที่มีความหย่อนคล้อย
  2. คนที่มีหนังตาตก มีหนังตาและไขมันบริเวณเปลือกตามาก
  3. คนที่มีชั้นตาอยู่แล้ว แต่อยากให้ชัดขึ้นอีก

ข้อดีของการทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก

  1. สามารถเก็บหนังตาส่วนเกินออกได้ แก้ไขหนังตาตกได้ดี รวมทั้งไขมันและกล้ามเนื้อเปลือกตาในคนที่เปลือกตาหนาๆ
  2. การทำตาสองชั้นวิธีนี้ สามารถกำหนดรูปร่างแนวชั้นตาได้ตามความต้องการ

ข้อเสียของการทำตาสองชั้น ร่วมกับตัดหนังส่วนเกินออก

  1. บวมมากกว่าและนานกว่าวิธีอื่นๆ เพราะเป็นการกรีดยาวจึงทำให้กระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณเปลือกตามากกว่าแบบแผลเล็ก ใช้เวลาในการเข้าที่นานกว่า
  2. แผลเป็นยาวตลอดแนวตา (เหมือนในแผลยาว)
  3. ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า เนื่องจากมีการกรีดตายาว ต้องนำเอาไขมันและตัดหนังตาส่วนเกินออกด้วย แพทย์จึงต้องใช้เวลาในการผ่าตัดมากกว่าปกติ

การทำตาสองชั้น ร่วมกับ เปิดหัวตา

การเปิดหัวตา คือการผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ปิดบริเวณหัวตา เพื่อให้บริเวณหัวตาดูกว้างขึ้น เห็นชั้นตาบริเวณหัวตาชัดขึ้น รูปร่างตาดูยาวขึ้น ความโค้งของชั้นตาบริเวณหัวตาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตา ทำให้ตาดูเหล่ การเปิดหัวตานี้ก็จะช่วยได้ แต่หากคนใดที่มีมุมหัวตาที่เปิดอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดหัวตา

การทำตาสองชั้นและเปิดหัวตาร่วมด้วย คุณหมอจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการทำตาสองชั้นแล้วจะมีความจำเป็นต้องเปิดหัวตาร่วมด้วย

การทำตาสองชั้น ร่วมกับเปิดหัวตา เหมาะกับใคร

  1. คนที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตามาก ทำให้ตาดูเหล่
  2. คนที่อยากได้ชั้นตาใหญ่ แต่มีหัวตาปิด
  3. คนที่หัวตามีเส้นเป็นแฉก

ข้อดีการทำตาสองชั้นร่วมกับเปิดหัวตา

  1. ตามีรูปร่างเรียวยาวขึ้น
    2. ทำให้เห็นชั้นตาตั้งแต่บริเวณหัวตา (แล้วแต่ความต้องการส่วนบุคคล)
    3. ในเคสที่มีระยะห่างระหว่างตาสองข้างมาก การเปิดหัวตาจะช่วยให้หัวตายาวขึ้น ใกล้จมูกมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาตาเหล่ได้
    4. ในเคสที่ต้องการชั้นตาใหญ่ แต่หนังที่หัวตาปิด การผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยให้ชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ข้อเสียการทำตาสองชั้นร่วมกับเปิดหัวตา

อาจเกิดแผลเป็นที่บริเวณหัวตา ในช่วงแรกหลังทำจะเห็นรอยแผลบริเวณหัวตาชัดมาก ลักษณะจะเป็นขีดเส้นๆลงมาตรงบริเวณหัวตา แต่จะค่อยๆจางลงไปได้เอง

การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก

การที่มีเบ้าตาลึกนั้น จะไม่สามารถทำตาสองชั้นธรรมดาทั่วไปได้ เพราะหลังทำจะไม่มีชั้นตา หรือตาอาจเป็นสามชั้น เบ้าตาจะยังลึกเหมือนเดิม การทำตาสองชั้นในคนที่เบ้าตาลึกนั้น คุณหมอจะต้องประเมินวิธีการที่จะแก้ไขเบ้าตาลึกในแต่ละคนแตกต่างกัน ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียด เบ้าตาลึกเหมือนกัน แต่ละคนต่างกันคุณหมอจะเลือกใช้วิธีที่แตกต่างกัน

การทำตาสองชั้น ร่วมกับย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก เหมาะกับใคร

1.คนที่เบ้าตาลึก หรือตาเป็นร่องบริเวณเหนือเปลือกตา(ใต้คิ้วใต้กระดูกเบ้าตา)

ข้อดี การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก

1. ไขมันที่ย้ายมาเติม แพทย์จะเอาไขมันจากบริเวณใกล้เคียงในเปลือกตาของคนไข้เอง ย้ายมาใช้หนุนร่องลึกให้กลับมาเต็มตื้นมากขึ้น แน่นอนว่าเป็นเซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอนเพราะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีผลข้างเคียง

2. กรณีไขมันบริเวณเปลือกตาน้อยมาก แพทย์จะพิจารณาทำการปลูกถ่ายไขมันจากบริเวณอื่น เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา เพื่อแก้ปัญหาเบ้าตาลึกให้ดีขึ้น แน่นอนว่าเป็นเซลล์ไขมันจากร่างกายของคนไข้เอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอนเพราะไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีผลข้างเคียง

3. หน้าเด็กขึ้น ปัญหาเบ้าตาลึกจะทำให้เราดูโทรม และแก่กว่าวัย หลังจากแก้ไขปัญหาตรงนี้ไป ใบหน้าเราจะกลับมาดูสดใสอ่อนเยาว์มากขึ้น

ข้อเสีย การทำตาสองชั้น ร่วมกับ ย้ายไขมันแก้ไขเบ้าตาลึก

  1. ขึ้นอยู่กับไขมันของแต่ละคนว่ามีมากน้อยขนาดไหน และเซลล์ไขมันแข็งแรงมากเพียงใด ผลลัพธ์จึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
    2. ในรายที่เคยทำตามาก่อน แล้วแพทย์เอาไขมันออกไปมาก อาจทำให้ไม่เหลือไขมันให้ย้ายไม่มากนัก จึงต้องปลูกถ่ายไขมันจากบริเวณอื่นทดแทน แพทย์แต่ละท่านอาจมีเทคนิคและความชำนาญที่แตกต่างกัน

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงคืออะไร อันตรายไหม ทำศัลยกรรมตาสองชั้นแก้ได้ไหม

ทำตาสองชั้นราคา

การทำตาสองชั้นที่ Doctor Garn Clinic โปรโมชั่นเริ่มต้นราคา 12,900 บาท ดูแลโดยทีมแพทย์ที่มีความรู้ด้านการทำตาสองชั้นโดยเฉพาะ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้น แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง กำจัดถุงใต้ตา เปิดหัวตา เปิดหางตา ยกหางตา ยกคิ้วและยังมีเทคนิคเฉพาะ Blink Eyes Technique ที่มีการออกแบบเฉพาะบุคคล และปรับให้ได้ดวงตากลมโตสดใสหวานเข้ากับใบหน้า

ศัลยกรรมตาสองชั้น เหมาะกับใครบ้าง

การศัลยกรรมตาสองชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมเปลือกตา โดยสามารถทำเพื่อการรักษาหรือเพื่อเสริมความงามก็ได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการมีตาสองชั้นที่สวยและดูเหมาะกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีหนังตาหย่อยคล้อยจนชั้นตาหาย ตาปรือหรือตาสองข้างไม่เท่ากันซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ของภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือผู้ที่มีปัญหาหาบริเวณรอบดวงตาอื่น ๆ

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำตาสองชั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและเลือกแนวทางที่เหมาะสมว่าแต่ละคนควรจะทำตาสองชั้นวิธีไหน และชั้นตาแบบไหนที่เข้ากับใบหน้า เพื่อทำเรามีดวงตาที่สวยและเพิ่มความมั่นใจให้กับเรามากยิ่งขึ้น

 

จุดเด่นในการทำศัลยกรรมตาสองชั้นที่ Doctor Garn Clinic

  • ดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในด้านการทำตาสองชั้น และมีประสบกาณ์มามากกว่า 10,000 เคส
  • ประเมินและแก้ปัญหาอย่างตรงจุด
  • ออกแบบชั้นตาเคสต่อเคส เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน
  • มีใบอนุญาติคลินิกเวชกรรม
  • มีเทคนิคเฉพาะ บวมช้ำน้อย
  • ตาสวยหวานเข้ากับใบหน้า
  • ดูแลติดตามหลังทำอย่างต่อเนื่อง

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดทำตาสองชั้น และศัลยกรรมรอบดวงตาอื่นๆ

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัดก่อนการผ่าตัด ปัจจัยเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการการผ่าตัด ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการผ่าตัดทำตาสองชั้น โดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้

1.งดอาหารเสริม วิตามิน C,E น้ำมันตับปลา สมุนไพร 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
2. หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อน ถึงแม้การทำตาสองชั้นจะเป็นการผ่าตัดโดยใช้แค่เฉพาะที่ แต่เพื่อความปลอดภัยที่สุด
3. นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ต้องงดอาหารก่อนผ่าตัดทำตาสองชั้น
4. เตรียมแว่นตากันแดดมาเอง เพื่อหลังผ่าตัดทำตาสองชั้นแล้วสามารถใส่ป้องกันฝุ่นละอองได้อีกด้วย
5. ถึงแม้หลังผ่าตัดทำตาสองชั้นจะไม่บวมมาก แต่ไม่แนะนำให้ขับรถกลับเองหลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
6. เตรียมวันหยุด ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้พักหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น อย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อลดการใช้สายตาและมีเวลาประคบแผลมากขึ้น แผลจะหายเร็วขึ้น

  1. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
  2. งดชา กาแฟ เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เช้าวันผ่าตัด

การดูแลหลังผ่าตัดทำตาสองชั้น และศัลยกรรมรอบดวงตาอื่นๆ

อีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันในการผ่าตัดทำตาสองชั้น คือ การดูแลหลังการผ่าตัด เพราะถ้าหากผ่าตัดมาแล้ว ไม่ดูแลแผลหรือดูแลบริเวณรอบดูตาให้ดี ก็มีโอกาสเกิดภาสะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดตามมาได้ อาจจะส่งผลเสียต่อการผ่าตัดทำตาสองชั้น ดังนั้น หลังจากผ่าตัดทำตาสองชั้นเรียบร้อยแล้ว ควรปฏิบัติตามข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  1. หลังผ่าตัด 48 ชั่วโมงแรก วางเจลประคบเย็นเพื่อให้หายเร็วขึ้นโดยใช้ผ้าก๊อซรองก่อน ระวังไม่ให้แผลเปียก ถ้ามีเลือดซึมสามารถใช้ผ้าก๊อซกดที่แผล ไม่ต้องแรง จนกว่าเลือดจะหยุดซึม (ยกเว้นในเคสที่ทำการปลูกถ่ายไขมันไม่จำเป็นต้องประคบ)
    2. นอนศีรษะสูงกว่าปกติใน1-2 คืนแรกของการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม
    3. ทำความสะอาดแผลวันละ 1-2ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดคราบเลือดซึมบริเวณแผล
    4. ป้ายยาฆ่าเชื้อแบบขี้ผึ้งที่แผลบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
    5. ห้ามแผลโดนน้ำอย่างเด็ดขาด จะทำให้แผลติดเชื้อได้
    6. หลังวันที่ 3 เป็นต้นไป ให้ประคบอุ่น (ระวังไม่ให้ร้อนเกินไป) ช่วยให้อาการบวมช้ำลดลงได้ สามารถสลับกับประคบเย็นได้เพื่อช่วยให้ลดบวมเร็วขึ้น
    7. ยาละลายลิ่มเลือดหรือวิตามินที่หยุดกินก่อนผ่าตัด สามารถกินได้หลังผ่าตัด วันที่ 7หรือเมื่อไม่มีเลือดออกซึมแล้ว
    8. หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า ไข่ อาหารทะเล 4สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลนูนคัน
    9. กินยาฆ่าเชื้อที่แพทย์สั่งจนหมด ยาแก้ปวดกินเฉพาะเวลามีอาการ
    10. ออกไปข้างนอกให้ใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรก
    11. มาตัดไหมตามนัด 5-7 วันหลังผ่าตัด

 

เทคนิค Blink eyes ของ Doctor Garn Clinic ต่างจากที่อื่นอย่างไรบ้าง

ทำตาสองชั้นทรงไหนดีที่สุด

 เคสแบบไหนบ้างที่ไม่รับทำตาสองชั้น

1.คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่คุมได้ไม่ดี หรือโรคกำเริบอยู่ เช่น เบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ความดันโลหิตสูงที่คุมไม่ได้ โรคไทรอยด์เป็นพิษที่ยังคุมระดับไทรอยด์ฮอโมนยังไม่ได้

2.เคสที่มีปัญหาตาโปนจากไทรอยด์เป็นพิษ

3.เคสที่เคยผ่าตัดแก้ตาสองชั้นมาหลายครั้งและถูกตัดหนังตาออกไปเยอะจนไม่เหลือหนังตาให้ตัดแล้ว

 

ทำตาสองชั้นใช้เวลานานเท่าไร

ระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดตาสองชั้น ขึ้นอยู่เทคนิคที่แพทย์เลือกใช้ในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการทำของแต่ละเคสด้วย โดยปกติการทำตาสองชั้นในเคสทำใหม่ใช้เวลาประมาณ 40นาที- 1ชม. หากเป็นเคสแก้ตาสองชั้นใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากเป็นเคสการแก้ไข้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชม.

การทำตาสองชั้นร่วมกับการเปิดหัวตาดีอย่างไร

การเปิดหัวตา คือการผ่าตัดตกแต่งหนังตาที่ปิดบริเวณหัวตา เพื่อให้บริเวณหัวตาดูกว้างขึ้น เห็นชั้นตาบริเวณหัวตาชัดขึ้น รูปร่างตาดูยาวขึ้น ความโค้งของชั้นตาบริเวณหัวตาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตา ทำให้ตาดูเหล่ การเปิดหัวตานี้ก็จะช่วยได้ แต่หากคนใดที่มีมุมหัวตาที่เปิดอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดหัวตา การทำตาสองชั้นและเปิดหัวตาร่วมด้วย คุณหมอจะพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการทำตาสองชั้นแล้วจะมีความจำเป็นต้องเปิดหัวตาร่วมด้วย

                การทำตาสองชั้น ร่วมกับเปิดหัวตา เหมาะกับคนที่หนังตาลงมาปิดบริเวณหัวตามาก ทำให้ตาดูเหล่ คนที่อยากได้ชั้นตาใหญ่ แต่มีหัวตาปิด คนที่หัวตามีเส้นเป็นแฉก

                ข้อดีการทำตาสองชั้นร่วมกับเปิดหัวตา ตามีรูปร่างเรียวยาวขึ้น ทำให้เห็นชั้นตาตั้งแต่บริเวณหัวตา ในเคสที่มีระยะห่างระหว่างตาสองข้างมาก การเปิดหัวตาจะช่วยให้หัวตายาวขึ้น ใกล้จมูกมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาตาเหล่ได้ ในเคสที่ต้องการชั้นตาใหญ่ แต่หนังที่หัวตาปิด การผ่าตัดเปิดหัวตาจะช่วยให้ชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

เทคนิคการทำตาสองชั้นร่วมกับการยกหางตา(หางหงษ์) คืออะไร ดีอย่างไร

สำหรับคนที่มีปัญหาหนังตาตกและมีหนังตาตก มีหนังตากองตรงช่วงหางตา ทำให้ตาดูมีอายุ และตาดูเศร้า การทำตาสองชั้นร่วมกับการยกหางตา(หางหงษ์) เป็นการทำตาสองชั้นแบบกรีดยาวเลยไปตรงหางตาที่มีหนังตากอง เก็บหนังตากองออกแล้วเย็บยกหางตาให้ดูเฉียงขึ้น ลักษณะเหมือนหางหงส์ หากคนไข้มีไขมันบริเวณเปลือกตามากหรือเปลือกตาหนา แพทย์จะทำการตัดไขมันหรือเปลือกตาส่วนเกินออก จากนั้นก็เย็บชั้นเปลือกตาให้สวยงาม เป็นวิธีที่จะช่วยให้ชั้นตาดูชัดขึ้นและที่สำคัญคือ ทำให้บริเวณหางตาดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีหางตาตก, หนังตาตก, อยากเปลี่ยนบุคลิกให้ดูสดใส โฉบเฉี่ยวขึ้น

Blepharoplasty at DoctorGarn Clinic: Achieving Youthful Eyes with Expert Care

Blepharoplasty at DoctorGarn Clinic: Achieving Youthful Eyes with Expert Care

What is Blepharoplasty ?

Blepharoplasty is a surgical procedure that involves reshaping or altering the eyelids. It can be performed on the upper or lower eyelids to address concerns such as drooping, sagging, under-eye bags, or puffiness. The procedure removes excess skin, fat, and muscle to improve the appearance and, in some cases, enhance vision. Blepharoplasty can be done for cosmetic or functional reasons. Consulting with a qualified surgeon is essential to receive personalized recommendations and achieve the desired results.

 

What is Blepharoplasty done for?

Blepharoplasty is performed for both cosmetic and functional reasons. Here are the main purposes for which blepharoplasty is done:

Cosmetic enhancement: Many people opt for blepharoplasty to improve the appearance of their eyelids and achieve a more youthful and rejuvenated look. The procedure can address concerns such as sagging or drooping eyelids, excess skin, puffiness, and under-eye bags. By removing or repositioning excess tissue and tightening the eyelid muscles, blepharoplasty can create a more alert and refreshed appearance.

Vision improvement: In cases where excess skin on the upper eyelids significantly obstructs the visual field, blepharoplasty can be performed to improve vision. By removing the excess skin and lifting the eyelid, the procedure helps restore a clearer and unobstructed line of sight.

Functional correction: Some individuals may experience functional issues with their eyelids, such as eyelid ptosis (drooping) or ectropion (eyelid turning outward). Blepharoplasty can be performed to correct these conditions and restore proper eyelid function, ensuring that the eyelids open and close effectively.

It’s important to note that blepharoplasty is a surgical procedure that requires careful evaluation and consultation with a qualified surgeon. They can assess your specific concerns and determine whether blepharoplasty is the appropriate solution to achieve your desired goals, whether they are cosmetic or functional in nature.

Is Blepharoplasty very painful?

Blepharoplasty is generally associated with mild to moderate discomfort rather than severe pain. Local anesthesia or intravenous sedation is typically used during the procedure to ensure your comfort. After the surgery, there may be swelling, bruising, and mild discomfort, but these can be managed with pain medications and cold compresses. Pain levels and recovery experiences can vary among individuals, but most find the discomfort to be manageable and temporary as they heal. It’s important to communicate with your surgeon about your pain levels for appropriate pain management.

 

How long does a Blepharoplasty last?

Blepharoplasty typically provides long-lasting results, as the procedure involves removing excess skin, fat, and muscle from the eyelids. While the exact duration of the results can vary, they are generally considered relatively permanent. However, the natural aging process and other factors can influence the appearance of the eyelids over time. Taking care of your skin, practicing a healthy lifestyle, and protecting yourself from sun exposure can help maintain the results. Consulting with a specialized surgeon can provide more personalized information about the expected longevity of blepharoplasty based on individual circumstances.

 

What is the difference between eye lift and Blepharoplasty?

The terms “eye lift” and “Blepharoplasty” are sometimes used interchangeably, but there is a subtle difference between the two.

Blepharoplasty: Blepharoplasty refers specifically to the surgical procedure performed to improve the appearance of the eyelids. It involves removing excess skin, fat, and muscle from the upper and/or lower eyelids. The primary goal of blepharoplasty is to address concerns such as drooping eyelids, under-eye bags, puffiness, or a tired appearance.

Eye Lift: On the other hand, “eye lift” is a broader term that can encompass various surgical and non-surgical procedures aimed at rejuvenating the area around the eyes. While blepharoplasty is a common component of an eye lift procedure, an eye lift can also involve other techniques to address additional concerns such as wrinkles, fine lines, or sagging of the brow area.

 

Blepharoplasty at DoctorGarn Clinic

DoctorGarn Clinic, located in Bangkok, Thailand, is a renowned establishment in the field of eye and skin care. The clinic is led by Dr. Garn, an esteemed expert in the industry. With a strong passion for providing exceptional care, Dr. Garn and the clinic’s team are dedicated to ensuring the highest standards of treatment and patient satisfaction.

 

At DoctorGarn Clinic, a range of services is offered, with a particular focus on eye-related procedures. Dr. Garn specializes in various eye surgeries, including blepharoplasty, epicanthoplasty, lateral canthoplasty, and other cosmetic and reconstructive procedures. Known for their meticulous attention to detail, the clinic’s surgeons provide personalized and artistic solutions to address individual concerns.

 

The clinic prides itself on its commitment to excellence and employs a team of highly qualified professionals who undergo rigorous training and adhere to the same high standards set by Dr. Garn. Patient safety and achieving outstanding surgical results are paramount at DoctorGarn Clinic.

 

Whether you require corrective eye surgery, cosmetic enhancements, or other eye-related treatments, you can trust the expertise of Dr. Garn and the skilled team at DoctorGarn Clinic to deliver exceptional care and provide effective solutions tailored to your specific needs.

 

In summary, blepharoplasty specifically focuses on improving the appearance of the eyelids by removing excess tissue, while an eye lift can refer to a more comprehensive approach that incorporates multiple techniques to rejuvenate the entire eye area.

It’s important to consult with a qualified surgeon to determine which procedure is most appropriate for your specific concerns and desired outcomes. They can assess your needs and recommend the best approach to achieve your aesthetic goals effectively.

Reclaim Your Confidence : How Ptosis Surgery Can Transform Your Appearance

Reclaim Your Confidence : How Ptosis Surgery Can Transform Your Appearance

What is Ptosis surgery?

Ptosis surgery, also known as blepharoptosis repair, is a surgical procedure performed to correct drooping or sagging of the upper eyelid. Ptosis can occur due to various factors, such as age-related changes, muscle weakness, nerve damage, congenital conditions, or trauma.

 

During ptosis surgery, the surgeon makes incisions in the natural creases of the upper eyelids to access the underlying tissues. The specific technique used may vary depending on the cause and severity of the ptosis. The surgeon typically adjusts or tightens the muscles responsible for lifting the eyelid, repositions the eyelid attachments, or removes excess eyelid skin and tissue if necessary.

 

The goal of ptosis surgery is to restore the proper alignment and function of the eyelid, improving both the appearance and the field of vision. The surgery is usually performed under local anesthesia on an outpatient basis, meaning patients can go home on the same day.

 

It’s important to consult with an experienced ophthalmologist or oculoplastic surgeon who can evaluate your condition, recommend the appropriate surgical approach, and provide personalized care throughout the process.

 

How long does it take to recover from ptosis surgery?

 

The recovery time after ptosis surgery can vary from person to person. Generally, it takes a few weeks to several months to fully recover and see the final results. Here’s a general timeline of the recovery process:

Immediately after surgery: You may experience swelling, bruising, and discomfort around the surgical area. Your eyelids may feel tight, and your vision may be slightly blurry.

First week: The initial swelling and bruising should start to subside during this period. You may be advised to apply cold compresses and take prescribed medications to manage pain and reduce swelling.

Two to four weeks: Most of the swelling and bruising should resolve within this timeframe. You may be able to resume normal activities, but it’s important to follow any post-operative care instructions provided by your surgeon.

 

Six to eight weeks: By this time, the majority of the healing should have occurred, and the eyelids will have settled into their final position. Any residual swelling or minor asymmetry should continue to improve.

Three to six months: This is the general timeframe when the final results of ptosis surgery become apparent. However, keep in mind that individual healing can vary, and it may take longer for some individuals to see the complete outcome.

It’s crucial to follow your surgeon’s instructions for post-operative care, including any prescribed medications, eye drops, or ointments. Attend all follow-up appointments to ensure proper healing and address any concerns during the recovery period. If you have specific questions or need more accurate information about your expected recovery time, it’s best to consult with your surgeon, as they can provide personalized guidance based on your individual case.

 

Can I walk after ptosis surgery?

After ptosis surgery, you can walk and engage in light activities. The surgery primarily focuses on the eyelids and does not restrict your ability to walk. However, it’s important to take it easy during the initial recovery period, avoiding strenuous activities. Walking and light movements are encouraged to promote healing. It’s essential to follow your surgeon’s post-operative instructions for personalized guidance. If you have specific concerns, consult with your surgeon for further advice.

 

How do you sleep after ptosis surgery?

To facilitate healing and reduce swelling after ptosis surgery, it is recommended to sleep on your back with your head elevated above your heart for at least one week following the procedure. This can be achieved by using an extra pillow or propping up the head of your bed. Elevating your head helps minimize swelling. It’s advisable to cover your pillow with an old towel during the initial days, as wound oozing can be expected. By following these guidelines, you can promote optimal healing and recovery.

 

Ptosis surgery how long to see results

 

The results of ptosis surgery are typically noticeable immediately after the procedure. However, it may take several weeks to months for the full results to become apparent. The initial swelling and bruising will gradually subside during the healing process, allowing the eyelids to settle into their final position. While most of the improvement will be visible within the first few weeks, it’s important to allow enough time for the complete healing and recovery, which can take up to 3 to 6 months. Individual healing timelines can vary, so it’s best to consult with your surgeon for a more accurate assessment based on your specific case.

 

Ptosis surgery cost at doctorgarn clinic

At Doctor Garn Clinic, the cost of ptosis surgery may vary depending on individual factors and the specific requirements of each patient. It’s best to contact the clinic directly for accurate and up-to-date pricing information. They will be able to provide you with details on the cost of ptosis surgery and any promotional offers or packages that may be available.

แก้ตาสองชั้นที่ด็อกเตอร์กาญจน์คลินิค

แก้ตาสองชั้นที่ด็อกเตอร์กาญจน์คลินิค

สวัสดีค่ะ เจี๊ยบนะคะ ได้มีโอกาสมาแก้ตาสองชั้นที่ด็อกเตอร์กาญจน์คลินิคค่ะ 💙
ต้องเกริ่นก่อนนะคะ ว่าเราเคยทำตามาแล้วและรู้สึกชั้นตาดูใหญ่ ง่วงปรือ ดูไม่สดใส ศึกษาหาข้อมูลมาหลายคลินิกในเรื่องของการแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ปรับชั้นตาให้เล็กลง จนมาเจอกับคลินิกหมอกาญจน์ ได้เข้าไปดูรีวิวแล้วรู้สึกว่าผลงานของคุณหมอตอบโจทย์มากในเรื่องของการแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เพราะมีแค่ไม่กี่คลินิกที่รับแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจริงๆ และอยากได้คุณหมอที่มีฝีมือ จึงตัดสินใจเลือกที่นี่ค่ะ
ตอนได้เข้าพบกับคุณหมอ คุณหมอแนะนำดีมากค่ะ บอกขั้นตอนว่าต้องแก้ไขยังไงและเทคนิคไหนที่เราควรทำเพิ่มเติม ของเจี๊ยบได้ทำแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงปรับชั้นตาให้เล็กลงและเพิ่มเปิดหัวตา ยกหางตาแก้ไขปัญหาตาตกด้วยค่ะ
หลังทำเสร็จอยากจะบอกว่าประทับใจมาก คิดไม่ผิดเลยค่ะที่เลือกทำกับคุณหมอกาญจน์ ชั้นตาเล็กลง ลืมตาได้เต็มวง ดูไม่ง่วงนอน รวมถึงหางตาไม่ตกแล้วค่ะดูสดใสขึ้นเลย โดยรวมประทับใจมากได้ตาออกมาหวานฉ่ำแบบนี้ แนะนำเลยนะคะใครที่มีปัญหาคล้ายๆกับเจี๊ยบรับรองว่าทำที่นี่ไม่มีผิดหวังค่ะ 😍🥰
#doctorgarnclinic #หมอกาญจน์ 💗

ตั้งแต่ทำตาสองชั้นมารู้สึกแต่งหน้าง่ายมาก

ตั้งแต่ทำตาสองชั้นมารู้สึกแต่งหน้าง่ายมาก

ตั้งแต่ทำตาสองชั้นมารู้สึกแต่งหน้าง่ายมากกกกกก ♥️
ชอบตาที่แบบไม่เวอร์หวานๆแบบนี้มากกกก โนสปอนเซอร์นะคะ

หลังทำไปเพื่อนๆรอบข้างทักว่าสวยทุกคนเลยค่ะ รู้สึกไม่ผิดหวังเลยค่ะ ที่เลือกที่นี่ #หมอกาญจน์ #doctorgarnclinic

คุณหมอละเอียดและใส่ใจในทุกขั้นตอนจริงๆค่ะ เคสของเรา
คุณหมอแนะนำให้ทำแบบ ✨กรีดยาว ✨ตัดไขมันส่วนเกินออก ✨ตัดหนังตา เย็บฟิ๊คล็อคชั้นตา และเพิ่มเปิดหัวตาค่ะ

คุณหมอบอกว่าจะเพิ่มความหวานและความโตให้ดวงตาค่ะ 💕
ผลลัพธ์ที่ได้คือ สวยจริงตามคำแนะนำของคุณหมอเลยค่ะ 😊😊😊