^ หน้าหลัก 5 Health news 5 หมัดต่อหมัด โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี กี่วันเห็นผล ทำไมบางคนจึงเห็นผลช้า?

หมัดต่อหมัด โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี กี่วันเห็นผล ทำไมบางคนจึงเห็นผลช้า?

7
โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี

หมัดต่อหมัด โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี กี่วันเห็นผล ทำไมบางคนจึงเห็นผลช้า?

หลายคนฉีดโบท็อกซ์เพราะอยากให้ริ้วรอยบนใบหน้าจางลง ผิวดูเรียบตึงขึ้น และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ สมกับราคาที่จ่ายไป แต่บางคนกลับไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้า จนอาจทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ต้องฉีดโบท็อซ์กี่วันจึงเห็นผล มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ช้า โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด รวมไปถึงคำถามยอดฮิตอย่าง ฉีดโบท็อกซ์แล้วดื่มเหล้าได้ไหม มาหาคำตอบได้ในบทความนี้

โบท็อกซ์ คืออะไร ทำงานอย่างไร ?

โบท็อกซ์ (Botox) หรือที่มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า “โบ” เป็นชื่อทางการค้าของสารชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Botulinum Toxin A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถสกัดได้จากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) การทำงานของสาร Botulinum Toxin A นั้น จะเข้าไปจับตัวกับปลายเส้นประสาท ทำให้สารสื่อประสาทไม่สามารถทำงานได้ และส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับสารดังกล่าวเกิดการคลายตัว มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง และถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย

โดยในช่วงแรก โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้รักษากลุ่มอาการกล้ามเนื้อตากระตุก  อาการปวดไมเกรน และรักษาอาการตาเหล่ แต่ในเวลาต่อมาก็ได้รับอนุญาตจาก FDA ให้นำมาใช้ในการรักษาผิวพรรณและความงาม จนกลายเป็นหนึ่งในเทคนิคเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สามารถใช้เพื่อแก้ปัญหาของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการเก็บกรอบหน้า การแก้ปัญหาคิ้วขมวด หรือปัญหารอยตีนกา ช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูอ่อนวัยและแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โบท็อกซ์เหมาะกับใคร

โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในการรักษาทางการแพทย์และการเสริมความงาม โดยสามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ และเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่มีปัญหาดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหารอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา รอยคิ้วขมวด และริ้วรอยในจุดต่างๆ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า หรือการเสื่อมสภาพของผิวที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดต้นแขน หรือน่องให้ดูเรียวเล็กลง
  • ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะที่บริเวณ ง่ามมือ ง่ามเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และรักแร้
  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ให้กรอบหน้าดูคมชัด  กรามดูเล็กลง
  • ผู้ที่ต้องการลดอาการปวดไมเกรน และปวดหลัง

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นเทคนิคการเสริมความงามที่ได้รับความนิยม เพราะมีข้อดีต่างๆ ดังนี้

  • มีความปลอดภัยสูง – โบท็อกซ์ได้รับการรับรองจาก FDA ในการใช้รักษาผิวพรรณและความงามมาตั้งแต่ปี 2002 และยังคงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
  • ความเสี่ยงต่ำ – ความเสี่ยงของโบท็อกซ์ มักเกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการฉีดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม และมักไม่ได้เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง ยกเว้นกรณีที่เกิดอาการแพ้ ซึ่งมักมีเพียงผดคัน หรือผื่นแดง และสามารถใช้ยาแก้แพ้ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยอาการแพ้โบท็อกซ์แบบรุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยสถิติในประเทศอเมริกา ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1989-2003 รายงานว่า มีผู้ป่วยเพียง 36 รายเท่านั้นที่แสดงอาการแพ้โบท็อกซ์ขั้นรุนแรง
  • เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน – โบท็อกซ์สามารถช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่น ตีนกา และริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เวลาหลังฉีดโบท็อกซ์ไม่กี่วันก็เห็นผล ทำให้ดูอ่อนวัย และช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ารับการรักษาได้เป็นอย่างดี
  • ไม่ต้องมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษก่อนเข้ารับการรักษา – ไม่ต้องมีการงดอาหาร หรือเตรียมตัวเป็นพิเศษ ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้
  • ไม่ต้องพักฟื้นหลังฉีด – หลังฉีดโบท็อกซ์อาจมีรอยเข็ม และรอยช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจะค่อยๆ จางและหายไปเองภายในหนึ่งสัปดาห์
  • ช่วยทำให้รอยเหี่ยวย่นลดลงในระยะยาว – หากทำการฉีดอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดก็จะมีการขยับตัวน้อย ช่วยให้ผิวไม่เกิดรอยย่น และส่งผลให้ผิวหนังดูเรียบตึงในระยะยาว

ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่นิยมฉีด

ปัจจุบัน มีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อในตลาดให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป จนหลายคนอาจเกิดคำถามว่าควรใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี เพราะมีแบรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมเยอะมากในตลาด

Allergan

แบรนด์ต้นกำเนิดโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา และยังคงเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของวงการ เป็นแบรนด์ที่มีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 30 ปี โดยมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 4,000 ฉบับ ทำให้สามารถวางใจในเรื่องของความปลอดภัยของตัวผลิตภัณฑ์

โบท็อกซ์ของ Allergan มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จึงมีโอกาสดื้อโบท็อกซ์น้อย เป็นโบท็อกซ์โมเลกุลใหญ่ ทำให้มีการกระจายตัวของสารในวงแคบ ซึ่งทำให้ศัลยแพทย์สามารถกำหนดตำแหน่งที่ต้องการฉีดกระชับได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับการแก้ไขปัญหารอยเหี่ยวย่นเฉพาะจุด ตัวโบท็อกซ์มีความเข้มข้นสูงทำให้สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนาน สำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์สูง และกำลังมองหาว่าโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่ไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย Allergan ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือหากแพทย์ที่ใช้ขาดความชำนาญ ก็อาจทำให้หน้าดูแข็ง ตึง ดูไม่เป็นธรรมชาติได้

Dysport

แบรนด์โบท็อกซ์สัญชาติอังกฤษที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยบริษัท Ipsen ซึ่งมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 และได้รับการอนุญาตใช้งานในประเทศต่างๆ มากกว่า 75 ประเทศทั่วโลก

Dysport เป็นโบท็อกซ์โมเลกุลเล็ก จึงสามารถกระจายตัวได้เป็นวงกว้าง ให้ความรู้สึกยกกระชับที่เป็นธรรมชาติ และเหมาะกับการฉีดเพื่อการรักษาอาการที่ต้องการครอบคลุมพื้นที่วงกว้าง เช่น การฉีดลดขนาดน่อง ต้นแขน ฉีดลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อใต้วงแขน หรือการฉีดลดรอยย่นบนหน้าผาก เป็นต้น เนื่องจากเป็นโบท็อกซ์โมเลกุลเล็ก ความเข้มข้นของโบท็อกซ์จึงลดลง ดังนั้น Dysport จึงถูกวางจำหน่ายในปริมาณ 300 ยูนิต เพื่อให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ 100 ยูนิตของยี่ห้ออื่นๆ ในตลาด จึงควรระวังผู้ที่นำมาแบ่งขายโดยไม่ชี้แจงเรื่องการทำงานของตัวโบท็อกซ์ เพราะอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

Nabota

โบท็อกซ์ที่ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical และเป็นแบรนด์เดียวจากประเทศเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐ ในปี ค.ศ. 2018 โดยในปี 2023 Nabota ได้รับการรับรองจาก อย. กว่า 60 ประเทศทั่วโลก และได้รับความนิยมทั้งในเอชีย อเมริกา และยุโรป

จุดเด่นของ Nabota อยู่ที่ความบริสุทธิ์ของโบท็อกซ์ ซึ่งผู้ผลิตเคลมว่ามีความบริสุทธิ์มากถึง 98.7% จึงช่วยลดโอกาสในการดื้อโบท็อกซ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความเร็วในการออกฤทธิ์ สามารถช่วยปรับผิวให้กลับมาเต่งตึง และกระชับได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน นอกจากนี้ยังมีราคาที่ถูกกว่าโบท็อกซ์จากยุโรปหรืออเมริกา จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่มีข้อเสียที่ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นานเท่าแบรนด์จากอเมริกา ประมาณ 1-2 เดือน  ทำให้ต้องฉีดบ่อยกว่าเล็กน้อย

Botulax

แบรนด์ดังซึ่งผลิตโดยบริษัท Hugel เป็นโบท็อกซ์แบรนด์สัญชาติเกาหลี ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2021  Botulax ได้ถูก อย.จากประเทศเกาหลี สั่งระงับการผลิตและเพิกถอนใบอนุญาตชั่วคราว เนื่องจากมีการลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ส่งผลให้ อย. ไทย สั่งระงับการนำเข้าและจำหน่าย Botulax ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

จุดเด่นของ Botulax ก็คือ การถูกพัฒนาออกมาให้มีประสิทธิภาพคล้ายคลึงกับ Allergen ของอเมริกา มีประสิทธิภาพดีเทียบเท่ากับตัวต้นแบบในราคาที่ถูกกว่าถึงเท่าตัว ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า แต่มีข้อเสียที่มีความบริสุทธิ์น้อยกว่าและอยู่ได้ในระยะสั้นกว่า

Xeomin

แบรนด์จากประเทศเยอรมันที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ผลิตโดยบริษัท Merz Pharmaceuticals ซึ่งใช้เทคนิค XTRACT Technology™ ในการผลิต โดยเป็นการสกัด โปรตีนสมบูรณ์ และโปรตีนที่ไม่จำเป็น (Complexing/Unnecessary Proteins) ออกจากโมเลกุลของโบท็อกซ์ ทำให้ได้โมเลกุลที่มีขนาดเล็ก และมีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดความเสี่ยงของการดื้อยา

ตัวผลิตภัณฑ์ได้นำเอาจุดเด่นของ Allergan และ Dysport มาใช้ โดยเน้นที่ความบริสุทธิ์ของตัวสาร และมีการ
กระจายตัวในระดับกลาง ไม่กระจุกตัวเท่า Allergan หรือกระจายมากเหมือน Dysport ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่า ในเคสที่คนไข้มีอาการดื้อโบ ฉีดโบท็อกซ์กี่วันก็ไม่เห็นผล มีการตอบสนองต่อ Xeomin ดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ ในตลาดอีกด้วย

Aestox

แบรนด์โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ที่ผลิตโดย Hugel และถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดย
บริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ปัจจุบันได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศเกาหลีใต้ (KFDA) และ อย. ประเทศไทย (ThaiFDA) จึงสามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน

Aestox มีจุดขายที่ใกล้เคียงกับ Botulax กล่าวคือ ถูกพัฒนาโดยมี Allergen ของอเมริกาเป็นตัวต้นแบบ ให้ประสิทธิภาพที่ดีเทียบเท่า ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้สั้นกว่า ทำให้ต้องฉีดบ่อยกว่า โดยสามารถนำมาใช้ฉีดเพื่อรักษารอยเหี่ยวย่น ยกกระชับและปรับรูปหน้าได้เช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นๆ

Hugel

อีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติเกาหลี ที่ผลิตโดยบริษัท Hugel ผู้ผลิตเดียวกันกับแบรนด์ Botulex และ Aestox จึงได้รับการรับรองจาก อย. เกาหลีใต้ และ อย. ไทย เช่นกัน

ไม่ต่างจาก Botulex และ Aestox โบท็อกซ์ของ Hugel ถูกพัฒนาออกมาให้ทำงานได้ดีเทียบเท่ากับ Allergan ในราคาที่ถูกลงเกือบสองเท่า เป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เห็นผลลัพธ์ไว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยระยะแสดงผลที่สั้นลง

BTXA

แบรนด์จากฮ่องกงที่ผลิตและจัดจำหน่าย โดยบริษัท Hugh Source [International] ซึ่งได้เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดภายใต้แบรนด์ BTXA ในปี ค.ศ. 1997 และได้รับการรับรองจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ณ ปัจจุบัน
BTXA เน้นผลลัพธ์ที่รวดเร็วฉับไว โดยจะเห็นผลได้ภายใน 2-3 วัน หลังการฉีด และสามารถแสดงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 6 เดือน (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) นอกจากนี้ โรงงานการผลิตของ BTXA นั้นยังผ่านมาตรฐาน GMP ของอเมริกา (Good Manufacturing Practice) ทำให้สามารถมั่นใจในเรื่องของมาตรฐานการผลิตได้อย่างไร้กังวล

Clodew

แบรนด์สุดท้ายจากประเทศเกาหลี ที่ผลิตและนำเข้ามาจัดจำหน่ายโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical ซึ่งเป็นผู้ผลิตเดียวกันกับ Nabota จุดเด่นอยู่ที่การใช้เทคนิค High-Pure Technology ในการสกัดสาร ทำให้ได้มาซึ่งโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% และได้รับการรับรองจาก อย.เกาหลี และ อย.ไทย

สำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ยังลังเลว่าจะใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี Clodew ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเพราะแม้ว่าแบรนด์จะยังไม่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐ แต่ก็ถูกผลิตออกมาจากโรงงานเดียวกันกับ Nabota ซึ่งได้รับการรับรองแล้ว ตัวโบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ฉีดเพื่อลดกราม ยกกระชับหน้า ออกฤทธิ์ไว และสามารถอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

คำถามที่ว่า ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ไม่ใช่คำถามที่มีคำตอบตายตัว เพราะระยะเวลาในการแสดงผลของโบท็อกซ์นั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลและชนิดของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ โดยโบท็อกซ์เกาหลีมักจะมีการแสดงผลที่รวดเร็วกว่าโบท็อกซ์จากอเมริกา แต่ก็มีระยะเวลาในการแสดงผลที่สั้นกว่าเช่นเดียวกัน โดยเฉลี่ยแล้วโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ 3-5 วันแรก และจะเห็นชัดเจนที่สุดหลังจากการฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและร่างกายของแต่ละบุคคล

ทำไมโบท็อกซ์จึงไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้าในบางคน

มีหลากหลายปัจจัยที่อาจทำให้ฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วไม่เห็นผล โดยอาจมีสาเหตุ ดังนี้

  • ปัญหาเกิดจากกระดูกโครงหน้า – โบท็อกซ์สามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงได้ หากเป็นปัญหาที่เกิดจากกล้ามเนื้อ แต่สำหรับผู้ที่ปัญหาเกิดจากกระดูก อาจไม่สามารถใช้โบท็อกซ์ในการแก้ไขได้
  • เกิดอาการ “ดื้อโบ” – ในบางรายที่ฉีดโบท็อกซ์บ่อยจนเกินไป ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานมาต่อต้านสารในตัวโบท็อกซ์ ทำให้ฉีดไปแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ดังนั้นควรมีการเว้นระยะการฉีดที่เหมาะสม (อย่างน้อย 3-4 เดือนหลังการฉีดครั้งล่าสุด) และมั่นใจว่าใช้โบท็อกซ์แท้เท่านั้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม ที่ไม่ได้มาตรฐาน – การหลงเชื่อและซื้อโบท็อกซ์จากผู้จัดจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้ถูกหลอกซื้อโบปลอม หรือโบหิ้วซึ่งหากโชคดี หลังจากที่ฉีดไปแล้วก็จะไม่มีผลอะไรกับร่างกาย แต่ในกรณีที่โชคร้าย อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายตามมา และยังเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกซ์ในอนาคตมากขึ้นด้วย
  • ทำกิจกรรมที่ทำให้โบท็อกซ์สลายเร็ว – หลังจากฉีดไปแล้ว บางคนอาจไม่ได้ดูแลร่างกายอย่างถูกวิธีจนทำให้โบท็อกซ์สูญเสียประสิทธิภาพ หรือเกิดการสลายตัวเร็วกว่าที่ควร เช่น การเข้าใช้ห้องสตีมหรือซาวน่า การทำกิจกรรมที่เจอความร้อนสูง และ การดื่มแอลกอฮอล์ทันทีหลังการทำหัตถการ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของโบท็อกซ์ทั้งสิ้น

อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์หิ้ว

โบท็อกซ์หิ้ว หมายถึงโบท็อกซ์ที่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย เป็นการลักลอบ “หิ้ว” หรือนำเข้ามาในประเทศโดยตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต โบท็อกซ์หิ้วไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนก็ดี มักมีราคาถูกกว่าของแท้ในท้องตลาดหลายเท่า แต่ก็มักจะเป็นของปลอม ไม่ได้มาตรฐาน มาจากแหล่งผลิตที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ หรืออาจจะมีการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ตัวสารเสื่อมสภาพ หรือมีแบคทีเรียเข้าไปปนเปื้อน และทำให้เกิดอันตรายหลังฉีดเข้าร่างกาย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมาก

การดูแลและปฏิบัติตัวหลังฉีดโบลดริ้วรอย

ก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์ มีการเตรียมตัวและข้อควรระวังเล็กน้อยที่ควรปฏิบัติตาม บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูล เพื่อไขข้อข้องใจสำหรับผู้ที่ อยากรู้ว่าควรเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์อย่างไร? ฉีดแล้วมีข้อห้ามอะไรบ้าง? และคำถามยอดฮิตอย่าง ฉีดโบท็อกซ์กินเหล้าได้ไหม? เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติและดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธีหลังเข้ารับการทำหัตถการ

ก่อนฉีดโบท็อกซ์

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์นั้น ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยควรปฎิบัติ ดังนี้

  • หาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่อยากเข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกนั้นเป็นคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน และมีศัลยแพทย์เป็นผู้ดูแล
  • หาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่สนใจ แต่หากไม่แน่ใจว่าควรใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ก็สามารถนำข้อสงสัยมาพูดคุยกับศัลยแพทย์ในวันที่เข้ารับคำปรึกษาได้เช่นกัน
  • มั่นใจว่าร่างกายแข็งแรง ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ หรือโรคประจำตัวร้ายแรง
  • ควรสื่อสารกับศัลยแพทย์ให้ชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • งดเว้นการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา
  • แจ้งศัลยแพทย์หรือผู้ช่วยหมอให้ทราบ หากต้องการใช้ยาชาเพื่อลดความเจ็บระหว่างฉีด

หลังฉีดโบท็อกซ์

หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ควรเข้าใจถึงข้อควรปฏิบัติ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ หรือลดประสิทธิภาพในการทำงานของโบท็อกซ์ โดยควรปฎิบัติ ดังนี้

  • งดนอบราบอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อป้องกันโบท็อกซ์ไม่ให้ไหลไปยังจุดที่ไม่ต้องการ
  • งดการนวดหน้าหรือนวดกดจุดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าร้อน หรือแดง เช่น การออกกำลังกลางแดดจัด หรือการทานปิ้งย่างหน้าเตาร้อนๆ นานๆ เพราะจะทำให้โบท็อกซ์สลายเร็วขึ้น
  • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว และส่งผลกระทบต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์ ซ้ำยังทำให้รอยช้ำ และรอยแผลจากการฉีดเห็นชัดมากขึ้นอีกด้วย
  • งดการใช้ซาวน่า หรือห้องสตีม
  • งดการทำทรีตเมนต์ด้วยเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ และก่อนทำควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบว่าเพิ่งทำการฉีดโบท็อกซ์มา

ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ที่ไหน

ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่จะเข้ารับบริการ ว่ามีใบอนุญาตที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ และดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับคำปรึกษาและการดูแลที่ดี และได้ใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่มีคุณภาพ

สำหรับผู้ที่ยังคงมีความกังวลว่าควรใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี หรือกำลังมองหาคลินิกที่น่าเชื่อถือ สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ DR.GARN CLINIC โดยคุณหมอกาญจน์ ผู้มีความชำนาญและประสบการณ์ดูแลคนไข้มากกว่า 10,000 เคส จุดเด่นของ DR.GARN CLINIC อยู่ที่ความใส่ใจและการดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิด มีการให้คำปรึกษาและการออกแบบแนวทางในการรักษาสำหรับแต่ละบุคคล และมีการติดตามดูแลอาการหลังการทำหัตถการ เพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้จะได้รับการดูแลจนกว่าจะหายดี

สรุป

โบท็อกซ์นั้นเป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในวงการแพทย์ และวงการเสริมความงาม โดยเฉพาะการช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย รอยตีนกา และริ้วรอยแห่งวัย เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่ต้องการคืนความตึงกระชับและความอ่อนเยาว์ให้กับผิวและใบหน้า ในปัจจุบันมีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ จนหลายคนเกิดคำถามว่าควรใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี โดยมีแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เช่น Allergan, Dysport, Nabota, Xeomin เป็นต้น  ข้อดีของโบท็อกซ์ก็คือให้ผลลัพธ์ในการกระชับผิวที่ชัดเจน รวดเร็ว ทันใจ ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีข้อควรปฏิบัติ ทั้งก่อนและหลังทำที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าร้อนแดง เช่นการอบซาวน่า และการใช้ห้องสตีม

สำหรับผู้ที่สนใจใช้โบท็อกซ์ในการแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย หรือปรับโครงหน้าให้กระชับได้รูป อย่าลืมเข้ามาปรึกษาได้ที่ DR.GARN CLINIC คลินิกที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ทำให้มั่นใจทั้งในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัย ไม่ต้องกังวลใจเรื่องผลิตภัณฑ์ปลอม สวยในแบบที่เลือกได้ เปลี่ยนลุคเป็นคนใหม่ได้ที่ DR.GARN CLINIC

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ FAQ

ฉีดโบท็อกซ์กินเหล้าได้ไหม

ไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์หลังจากฉีดโบท็อกซ์ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์ และยังทำให้รอยแผล และรอยช้ำ จากการฉีดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานกี่เดือน

ระยะเวลาของการแสดงผลขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ และร่างกายของแต่ละบุคคล แต่โดยเฉลี่ยแล้ว โบท็อกซ์จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

ควรฉีดซ้ำทุกกี่เดือน

ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อไหน ก็ควรเว้นระยะในการฉีดให้พอดีและสม่ำเสมอ การฉีดติดต่อกันถี่เกินไปจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกซ์ ในขณะที่หากเว้นนานเกินไปก็จะทำให้รอยเหี่ยวย่นกลับมาเช่นเดิม ระยะเวลาที่ดีที่สุดก็คือ 3-4 เดือน หลังการฉีดครั้งล่าสุด และไม่ปล่อยไว้เกิน 5-6 เดือน

สามารถแพ้โบท็อกซ์ได้หรือไม่

โบท็อกซ์สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่นเดียวกับอาหารหรือยาทุกชนิด แต่กรณีที่แพ้แบบรุนแรงนั้นพบได้น้อยมาก โดยส่วนใหญ่อาการแพ้มักเป็นเพียงลักษณะของผด หรือผื่นคัน ซึ่งสามารถใช้ยาแก้แพ้บรรเทาอาการได้

ฉีดโบท็อกซ์ห้ามนอนราบกี่ชั่วโมง

หลังฉีดโบท็อกซ์ไม่ควรนอนราบ หรือก้มศีรษะต่ำกว่าหัวใจ อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณใบหน้ามากขึ้น และอาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ

อาการดื้อโบหมายถึงอะไร แก้ไขยังไง

อาการดื้อโบ เกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านสารในโบท็อกซ์ ทำให้เมื่อฉีดไปแล้วก็ไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ ไม่ว่าจะฉีดโบท็อกซ์กี่วันก็ไม่เห็นผล  ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากการใช้โบท็อกซ์ปลอม หรือฉีดโบท็อกซ์ถี่เกินไป ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการรักษาที่แน่ชัด บางรายหายได้ด้วยการเปลี่ยนยี่ห้อ หรือเปลี่ยนมาใช้ของแท้ แต่ในบางรายอาจต้องเว้นระยะนานถึง 3-5 ปี เพื่อให้หมดภูมิคุ้มกันเสียก่อน (แต่ก็มีบางรายที่ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานกว่านั้นเช่นกัน) วิธีป้องกันก็คือ เลือกใช้โบท็อกซ์ของแท้ และเว้นระยะการฉีดให้เหมาะสมจะดีที่สุด

แก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เปิดหัวตาและเติมไขมันเบ้าตา

แก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เปิดหัวตาและเติมไขมันเบ้าตา

รีวิวหลังทำตาค่ะเคสทำแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เปิดหัวตาและเติมไขมันเบ้าตาค่ะ 🎊 ก่อนทำมีปัญหาตาปรือและเบ้าตาลึกไม่เท่ากันค่ะ คุณหมอกาญจน์เลยแนะนำให้แก้ตาและแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและเติมไขมันเติมเต็มในส่วนของเบ้าที่ดลึกโบ๋ และเพิ่มความหวานให้ตาด้วยการเปิดหัวตาค่ะ...

รีวิวทำตาสองชั้นครบ6เดือนค่ะ

รีวิวทำตาสองชั้นครบ6เดือนค่ะ

รีวิวทำตาสองชั้นครบ6เดือนค่ะ กิ๊กทำตาสองชั้นกับคุณหมอกาญจน์ เทคนิคกรีดยาว+ตัดหนังตา+ตัดไขมัน+เย็บฟิคล็อคชั้นตา +เปิดหัวตา ทำให้ตาออกมาสวยหวาน มั่นใจมากขึ้นเลยค่ะ ใครสนใจทำตาสองชั้นแนะนำที่นี่เลยค่ะ #Doctorgarnclinic...

รีวิวอีกเสียง ทำตาสองชั้น #หมอกาญจน์

รีวิวอีกเสียง ทำตาสองชั้น #หมอกาญจน์

รีวิวอีกเสียง ทำตาสองชั้น #หมอกาญจน์ #doctorgarnclinic เป็นเคสทำตาแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเปิดหัวตา❤️ก่อนทำคุณหมอแจ้งว่าเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และตาเล็กมาก ตาชั้นเดียว ตาไม่สดใส ตาเล็กมากไม่สดชื่นเลย บอกคุณหมอว่าอยากได้ตาที่โตขึ้นและหวานๆ...

ตาสองชั้นแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับหมอกาญจน์ ครบ 1 เดือนค่ะ

ตาสองชั้นแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับหมอกาญจน์ ครบ 1 เดือนค่ะ

โดยรวมชอบมากๆ ตาสามารถลืมตาได้ดีขึ้นค่ะ ตาไม่ปรือ และตาดูโตสมใจเลยค่ะ 🥰ของเราคุณหมอใช้เทคนิคแก้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกรีดยาว ตัดไขมัน ตัดหนังตา เย็บฟิ๊คล็อคชัั้นตาค่ะใครมีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแนะนำที่นี่เลยนะคะ คุณหมอทำจริง แก้จริง และละเอียดมากๆด้วยค่ะ 👍🏻...