เทคนิคการเสริมจมูกมีอะไรบ้าง เพิ่มความมั่นใจ เสริมเสน่ห์ให้ใบหน้า
ปัจจุบันการศัลยกรรมเพื่อความสวยความงามกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ของหนุ่มสาวเป็นอย่างมาก เหตุผลประการแรกที่ทำให้หลายคนเลือกเข้าสู่วงการความสวยความงามแบบนี้ก็คือการสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง พอตนเองดูดีขึ้นแน่นอนว่าความมั่นใจย่อมตามมา ซึ่งสิ่งแรกๆ ที่หลายคนเลือกทำคือ การเสริมจมูก เพราะว่าการทำจมูกเป็นการสร้างมิติให้กับในหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ดังนั้น บทความนี้จะพาทุกคนไปดูว่าการทำจมูกนั้นมีเทคนิคอะไรบ้าง และควรเสริมจมูกด้วยเทคนิคอะไรให้เข้ากับตนเอง ไปจนถึงข้อดีและข้อเสีย เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถติดสินใจในการทำจมูกได้อย่างถูกต้อง
ไขข้อข้องใจ เสริมจมูก คืออะไร
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดเสริมความงามรูปแบบหนึ่ง เพื่อสร้างมิติ เสริมจมูกให้ได้รูปทรงและมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการเสริมวัสดุเข้าไปเสริมเพื่อสร้างฐานจมูกให้ได้ทรงตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมโดยการใช้ซิลิโคนจมูก กระดูกอ่อนหลังหู หรือกอร์เท็กซ์
นอกจากการทำจมูกจะเป็นศัลยกรรมเพื่อความงามแล้ว ยังสามารถแก้ไขรูปจมูกที่ผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วน และแก้ไขโครงสร้างจมูกที่รูปทรงผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หรือเกิดขึ้นโดยกำเนิดให้กลับมามีรูปทรงที่สวยงามและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่เสริมได้อีกครั้ง
เทคนิคการเสริมจมูกมีอะไรบ้าง
หากใครที่ต้องการทำจมูก ในปัจจุบันเทคนิคการเสริมจมูกมีด้วยกัน 3 รูปแบบ ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
เสริมจมูกแบบโอเพ่น Open Rhinoplasty เป็นเทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด ซึ่งเป็นการผ่าตัดเปิดจมูกโดยผ่าตัดเปิดแผลใต้ฐาน แล้วใช้มีดกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งเพื่อปรับโครงสร้างจมูกโดยตรง วิธีนี้จะทำให้แพทย์ผู้ทำศัลยกรรมเห็นโครงสร้างของจมูกทั้งหมด และเห็นแกนจมูกชัดเจน จึงสามารถปรับแต่งจมูกได้สะดวก และให้ผลลัพธ์ของจมูกที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ สามารถแก้ปัญหาจมูกคดเบี้ยว มีฮัมพ์ รวมถึงป้องกันปัญหาจมูกทะลุได้
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
การเสริมจมูกแบบปิด Closed Rhinoplasty เป็นเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกที่ช่วยเสริมดั้งให้โด่งขึ้น ด้วยการเสริมซิลิโคนโดยการเปิดแผลบริเวณรูจมูกที่ยาวเพียง 1 ซม. เพื่อสร้างช่องว่างสอดแท่งซิลิโคนเข้าไป โดยไม่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างจมูกทั้งหมด โดยการเสริมจมูกแบบปิดจะใช้เวลาสั้นกว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่น และไม่จำเป็นต้องนอนพักค้างคืน เพราะรบกวนเนื้อเยื่อน้อย และมองไม่เห็นแผลจากการผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงฐานจมูก และมีโครงสร้างจมูกเดิมที่ดีอยู่แล้ว
การเสริมจมูกแบบ Semi-Open
การเสริมจมูกแบบ Semi-Open เป็นเทคนิคการศัลยกรรมจมูกแบบเปิดแผลที่รูจมูกทั้ง 2 ข้าง แล้วสอดซิลิโคนไปตามแนวฐานจมูกเหมือนกับการเสริมจมูกแบบปิด แต่ต่างตรงที่ใช้วิธีเปิดแผลจากรูจมูกทั้งสองข้าง เพื่อลดแรงตึงจมูก รวมถึงวิธีนี้ช่วยให้แพทย์เห็นโครงสร้างจมูกได้มากกว่า จึงทำให้วางซิลิโคนบนฐานจมูกได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดโอกาสของจมูกเบี้ยวและจมูกเอียง นอกจากนี้ยังช่วยให้แพทย์สามารถตอกฐานจมูกได้ และตกแต่งจมูกได้ทั่วถึงมากกว่าการเสริมจมูกแบบปิด
วัสดุที่ใช้เสริมจมูก มีอะไรบ้าง
ก่อนที่จะเสริมจมูก สิ่งสำคัญคือการเลือกวัสดุที่ใช้สำหรับเสริมจมูก ซึ่งวัสดุที่นิยมนำมาเสริมจมูกมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด ดังนี้
ซิลิโคน
ในตอนนี้ซิลิโคนที่นำมาใช้เสริมจมูกเองก็มีด้วยกันทั้งหมด 2 ชนิด คือ
- ซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา: จะมีลักษณะที่ค่อนข้างแข็ง ไม่ยืดหยุ่น
- ซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ: ลักษณะจะนิ่ม และมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ จึงสามารถบิดปลายจมูกไปมาได้
สำหรับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจมูก สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการปรึกษากับแพทย์ว่าจมูกของตนเองเหมาะกับการใช้ซิลิโคนชนิดใด เพราะคนที่มีปัญหาจมูกบาง เนื้อจมูกน้อยจะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานพิเศษมากกว่า และถ้าคนที่เนื้อจมูกหนาจะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานธรรมดาเพื่อป้องกันเนื้อจมูกรัดแกนซิลิโคนจนบิดเอียงได้ในอนาคต
สำหรับข้อดีของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนคือมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เพราะถูกผลิตมาเพื่อใช้กับทางการแพทย์โดยเฉพาะ มีความคงทนยาวนาน อยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขหรือเปลี่ยนใหม่ เว้นแต่ว่าต้องการเปลี่ยนทรงจมูก
กระดูกอ่อน
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนคือการนำกระดูกส่วนต่างๆ ของร่างกายมาเสริมจมูก อาทิ จมูกอ่อนจากปลายหู กระดูกอ่อนจากซี่โครง และกระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก สำหรับการเสริมจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนจะช่วยลดความเสี่ยงของจมูกทะลุ ลดการเสียดสี และทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
กระดูกก้นกบ
การเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกก้นกบ เป็นการเปิดแผลบริเวณก้นกบแล้วนำเนื้อเยื่อบริเวณก้นกบออกมาแล้วนำไปเติมบริเวณปลายจมูก เพื่อเพิ่มความยาวให้บริเวณปลายจมูก รวมถึงทำให้ปลายจมูกดูละมุนมากขึ้น
ข้อดีของการเสริมจมูกวิธีนี้คือจะทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะเนื้อเยื่อก้นกบจะเรียบเนียนไปกับเนื้อจมูก โดยไม่เห็นข้อต่อ จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ หรือทรงจมูกที่ได้มีความเรียบเนียนและมีมิติมากยิ่งขึ้น ลดโอกาสของจมูกทะลุ และมีแผลที่ขนาดเล็กมากๆ
เนื้อเยื่อเทียม
สำหรับการเสริมจมูกด้วยการใช้เนื้อเยื่อเทียม เป็นวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อเลียนแบบเนื้อเยื่อของมนุษย์ ซึ่งเป็นเนื่อเยื้อที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์โดยเฉพาะ มีความปลอดภัย สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะการตกแต่งแผลที่เกิดจากไฟไหม้ รวมถึงสามารถนำมาใช้ตกแต่งบริเวณปลายจมูกได้ ทั้งเพิ่มความหนาของเนื้อปลายจมูก เพิ่มความยาวของปลายจมูก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปิดแผลบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย
เลือกจมูกอย่างไรให้เหมาะสมกับใบหน้า
ปัจจุบันนี้รูปทรงของจมูกสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมมีให้เลือกหลายรูปทรง แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกรูปทรงจมูกที่เหมาะกับใบหน้า โดยสามารถเสริมมิติให้กับรูปหน้าได้อย่างสมดุล และส่งให้ใบหน้าของผู้ที่เสริมดูสวยละมุนมากขึ้น โดยมีวิธีการเลือก ดังนี้
- ทรงจมูกต้องรับกับหน้าผาก โดยคนที่มีหน้าผากแบนไม่เหมาะกับการเสริมซิลิโคนสูงๆ เพราะจะดูไม่สมดุล และไม่เข้ากับใบหน้า
- ทรงจมูกต้องรับกับโครงหน้าด้านกว้าง โดยเฉพาะคนที่โหนกแก้มใหญ่ ไม่ควรเสริมซิลิโคนที่สูงมาก
- รับความยาวกับใบหน้า โดยต้องสังเกตตั้งแต่ไรผม จมูกต้องรับกับสันจมูก สันจมูกต้องรับปลายจมูก รวมถึงรับกับปลายคางด้วยเช่นกัน โดยทั้งหมดต้องรับกับทั้งใบหน้าและมีความสมดุลกัน
การเตรียมตัวก่อน-หลังเสริมจมูก
หลังจากที่ตัดสินใจเสริมจมูกสิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น โดยมีขั้นตอนในการเตรียมทั้งก่อนและหลังดังนี้
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกเป็นขั้นตอนที่ช่วยทำให้การผ่าตัดผ่านไปอย่างราบรื่น โดยมีการเตรียมตัว ดังนี้
- เข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
- แจ้งข้อมูลทางด้านสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด อาทิ โรคประจำตัว ยาประจำตัว และแจ้งประวัติการแพ้ยาและอาหาร
- งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพรทุกชนิด อย่างน้อย 7 วัน
- งดรับประทานยาแก้ปวด และแอสไพรินอย่างน้อย 7 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือให้ดีที่สุดคือ 1 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดเว้นอาหารประเภทหมักดอง อาหารทะเล และอาหารที่ทำให้แผลผ่าตัดอักเสบได้
- งดทำเล็บและต่อเล็บทุกชนิด
การเตรียมตัวหลังเสริมจมูก
การเตรียมตัวหลังเสริมจมูกเป็นการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดเสริมจมูกเรียบร้อยแล้ว ข้อดีคือการช่วยให้การรักษาดีขึ้น และแผลหายไวขึ้น มีวิธีการ ดังนี้
- 1-2 วันแรก ควรประคบเย็น เพื่อลดรอยฟกช้ำหลังผ่าตัด
- นอนหนุนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม
- วันแรกควรใช้สบู่อ่อนล้างหน้า
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด โดยใช้คัตตอนบัดจุ่มน้ำเพื่อทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักประมาณ 1 สัปดาห์
เสริมจมูกที่ไหนดี
สำหรับการการเลือกคลินิกเสริมจมูกที่ไหนดี จำเป็นต้องดูหลายองค์ประกอบรวมๆ กัน ควรเลือกทำกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบประกอบวิชาชีพ สามารถตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพได้จากแพทยสภา ซึ่ง DR.GARN CLINIC เป็นคลินิกที่เสริมจมูกโดยใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อออกแบบทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า โดยมีคนไข้ไว้ใจและเลือกเข้ารับบริการมากกว่า 10,000 เคส โดยคุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน รวมถึงผลลัพธ์ได้จมูกสวยตรงตามต้องการ และสามารถแก้ปัญหาจมูกได้ทุกรูปแบบ
สรุป
การเสริมจมูกเป็นที่นิยมมากในหมู่หนุ่มสาว ซึ่งนอกจากจะการทำจมูกจะทำเพื่อความสวยงาม สร้างมิติให้กับใบหน้าแล้ว ยังเป็นการแก้ไขปัญหาทรงจมูกซึ่งอาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หรือมีปัญหาเรื่องรูปทรงจมูกมาตั้งแต่กำเนิด โดยการเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกจำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำ ตั้งแต่การเลือกวัสดุที่ใช้เสริม และรูปทรงที่เหมาะกับใบหน้า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีความน่าเชื่อถือเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ ทั้งถูกใจและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมจมูก (FAQ)
การเสริมจมูกราคาเท่าไร?
การเสริมจมูกเรื่มต้นที่ 15,999 บาทโดยจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยถึงเทคนิคในการทำ เพื่อให้การเสริมจมูกได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เนื้อจมูกน้อย ทำจมูกได้ไหม?
สามารถเสริมจมูกได้ แต่อาจจะไม่ได้จมูกที่โด่งพุ่งมากนัก เพราะอาจเสี่ยงจมูกทะลุได้ในอนาคต
อาการที่พบได้หลังการเสริมจมูก มีอะไรบ้าง?
อาจมีอาการปวดศีรษะ รวมถึงปวดบริเวณจมูก และใบหน้าบวมมากขึ้น โดยเฉพาะ 2-3 วันแรกสามารถกินยาตามแพทย์สั่งให้หมด
เคล็ดลับในการทำให้จมูกรัดแกนให้เข้าที่ไวๆ
ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด โดยจำเป็นต้องปฎิบัติตัวตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อาการข้างเคียงหายไวขึ้น และอาการบวมหายไวขึ้น